ข้อดีของการเลี้ยงลูกเอง


เมื่อมีลูกเป็นแก้วตาดวงใจแล้ว จะมีแม่คนไหนบ้างไม่อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นงานที่เหนื่อยและหนัก แถมยังพักร้อน ลากิจ ลาป่วย ไม่ได้ เงินเดือนก็ไม่มี แต่แม่ๆก็เต็มใจที่จะพลีชีพเพื่อลูกอย่างไม่หวั่น แม้วันมามาก แต่ก็ยังมีแม่อีกหลายคนที่เลือกพลีชีพด้วยการกลับไปทำงานเพื่อลูก แล้วจำใจเอาลูกไปฝากเลี้ยงกับคนอื่น :(

แม่โมณาจึงคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เลี้ยงลูกเอง ถึงจะไม่สบายตัว และไม่สบายกระเป๋า เพราะรายได้ครอบครัวหายไปครึ่งนึง แถมรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่แม่ก็จะกัดฟันและกัดก้อนเกลือเสริมไอโอดีนไปให้ได้ อย่างน้อยๆก็ 2-3 ปี ตอนนั้นคงจะชินกับความเค็มแล้วล่ะ 55555

เอาล่ะๆ มาดูข้อดีของการเลี้ยงลูกเองดีกว่า สิ่งที่แม่คิดว่าเป็นกำไรชีวิต ที่ได้ทำในสิ่งที่บางคนอยากทำแต่ทำไม่ได้ แถมยังมีแต่ข้อดีทั้งนั้นเลยที่ได้เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง (เสียอย่างเดียวคือ มันก็จะเหนื่อยๆหน่อย) ก็คือ

1. ด.เด็กแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
เด็กที่แม่เลี้ยงเอง มักไม่ได้ไปคลุกคลีกับใครนอกจากแม่ โอกาสจะติดโรคฮิตๆ อย่างเช่น ไข้หวัด ไอ มือเท้าปาก ฯลฯ ก็มีน้อย หรือต่อให้เจอใครก็ไม่พ้นสายตาแม่ที่คอยสแกน และป้องกันภัยตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะเด็กนมแม่ ที่มีสรรพคุณมากกว่าอาหาร เป็นยิ่งกว่ายาป้องกันโรคให้ลูกเลยก็ว่าได้ ใครอยากรู้ข้อดีของนมแม่ ไปอ่านต่อได้ ที่นี่

2. ไออุ่นจากอกแม่ = ไอ.เลิฟ.ยู
อ้อมกอดของแม่ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น ไม่ว่าร้องไห้หรือยิ้ม แม่คือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดของลูก ยิ่งอยู่ด้วยกันมาก ความผูกพันแม่ลูกยิ่งเหนียวแน่น เมื่อลูกได้รับความรักความอบอุ่นเต็มที่ แม่เชื่อว่านี่คือพื้นฐานทางจิตใจที่สำคัญ หัวใจเราต้องเต็มก่อน ก่อนที่จะออกไปสู่โลกภายนอก และพร้อมจะเป็นผู้ให้ใจกับคนอื่น

3. สอนลูกได้เต็มที่ ไม่ต้องไขว้เขวถ้าเลี้ยงหลายคน
เคยอ่านเจอว่า 3 ขวบปีแรกคือ เวลาทองของการเรียนรู้ อยากให้ลูกรู้อะไร สนใจสิ่งไหนแล้วดีกับตัวลูก แม่เสิร์ฟได้เลยเต็มที่ อย่างบ้านเราไม่มีใครเลยนอกจาก แม่กับพ่อ จึงเป็นโอกาสอันดีเยี่ยม เพราะเคยเห็นบ่อยๆ เวลาเลี้ยงกับปู่ย่าตายายแล้วมานั่งปวดหัวกับแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน คนนึงสอนอย่าง แม่บอกอีกอย่าง เด็กก็คงงงแย่ ไม่รู้จะฟังใครดี

4. แม่ผอมเร็ว ไม่ต้องเข้ายิม (เพราะคุณไม่มีเวลาเช่นนั้นแน่นอน 5555)
แม่โมณาตอนท้อง น้ำหนักขึ้นไป 13 กก. ตอนนี้น่ะเหรอ ลงไปมากกว่า 13 โลอีก ก่อนท้องหนัก 60 ตอนนี้ 54-55 คือไม่ต้องออกกำลังอะไรมาก แค่เลี้ยงลูกก็เหงื่อตกแล้ว เกิดเป็น #มนุษย์แม่ เวลาจะกินจะนอนก็ไม่ค่อยจะปกติ งานนี้ก็เลยผอมเองโดยอัตโนมัติ แบบไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องเข้ายิม แถมกินจุขึ้นอีกต่างหาก ตกลงมันดีไหมเนี้ย 555+

5. ได้เห็นพัฒนาการลูกทุกขั้น
ยิ่งคุณแม่มือใหม่ ที่กำลังเห่อลูก อะไรก็แปลกใหม่ไปหมด คุณจะได้เฝ้ามองทุกลำดับขั้นของการเติบโต จากเบบี๋อ้อแอ้ๆ เริ่มพลิกคว่ำ พลิกหงาย เริ่มคลาน เริ่มปีน เดี๋ยวฟันขึ้น เดี๋ยวกินข้าว โอ้โห เป็นบทเรียนที่แสนสนุกและมีความสุขของคนเป็นแม่จริงๆ ที่สำคัญคุณจะได้ตำแหน่งช่างภาพส่วนตัว เก็บนาทีแสนสุขเหล่านั้นไว้ด้วยตัวเอง แบบไม่มีพลาดสักช็อต

6. ลูกปลอดภัย ทั้งใจและกาย
ลองคิดภาพถ้าแม่ต้องเอาลูกไปฝากเลี้ยงกับเนิร์สเซอรี่ แล้วเกิดโชคร้ายเหมือนอย่างในคลิปต่างๆ คนเป็นแม่คงทำใจไม่ได้ เพราะบางทีอาจจะไม่ใช่แค่บาดเจ็บมีแผล แต่มันอาจจะเป็นแผลในใจเด็กตลอดไป หรือถ้าโชคร้ายกว่านั้น.... โอ้ย ไม่อยากจะคิด (แล้วจะคิดทำม๊ายยย) โมณาจ๋า ถึงจะหกคะล้ม หัวโน ตกเตียงบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ แต่ถ้าเรื่องใหญ่กว่านี้ แม่จะปกป้องหนูด้วยชีวิตเลย Don't worry, be happy :)

7. ลดปัญหาสังคม
ถ้าพ่อแม่เลี้ยงมาดี บ่มเพาะความคิดดีๆ แม่เชื่อเหลือเกินว่าสังคมจะน่าอยู่กว่าที่เป็นในตอนนี้ ข่าวตีรันฟันแทง ฆ่าชิงทรัพย์ ทะเลาะยิงกันบนท้องถนน ฯลฯ ข้อนี้อาจจะยังไม่เห็นผล แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่อยากทำให้ได้ ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายพ่อแม่มากๆ แต่ถ้าเราช่วยกัน เราทำได้ เราก็จะภูมิใจไปด้วยกันนะลูกนะ

8. พ่อแม่ได้ฝึกตัวเองด้วย
ไม่ว่าจะฝึกการควบคุมอารมณ์ ฝึกความอดทน ฝึกบริหารจัดการเวลาใหม่ เมื่อก่อนจะตื่นสาย จะกินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องเตรียมอาหารให้ลูก ถ้าบริหารไม่ดี แม่จะอด 5555 จากแม่ผู้ใจดีจะกลายเป็น แม่เสือหิว ! ยิ่งวันไหนลูกนอนกลางวันสั้นๆ อาจจะแค่ครึ่งชั่วโมง แม่ต้องใช้เวลาอันมีค่านั้นทำให้ได้ทุกอย่าง ทั้งงานบ้าน งานลูก กินข้าว อาบน้ำ มือเป็นระวิง นี่คือมนุษย์แม่ที่ไม่มีตัวช่วยอย่างเรา ต้องสู้ค่ะ
...แม่คิดเสมอว่า ลูกหรือเราเองเป็นเด็กได้แค่ครั้งเดียว เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ แม่อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ และทำให้ดีที่สุด จะได้ไม่เสียใจภายหลัง...
สำหรับตอนนี้คิดข้อดีได้ 8 ข้อถ้วน แต่ถ้าแม่ๆคนไหน คิดได้มากกว่านี้ อย่าลืมเขียนมาบอกกันบ้างนะคะ ^_~


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โมณา..ชื่อนี้มีที่มา

ลูกสาวหน้าเหมือนพ่อ...แล้วดียังไง

พี่อ้อยพี่ฉอดคะ...เราควรไปเยี่ยมเพื่อนคลอดลูกที่ รพ. ดีไหม?