ประสบการณ์อาบน้ำลูก ที่แม่(ห้าม)พลาดอย่างแรง

 

โมณาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เอ่อ ไม่ใช่เรื่องประสบการณ์ แต่เป็นอุณหภูมิของน้ำจริงๆ ที่แม่ไม่รู้ตัวว่า น้ำที่คิดว่าอุ่นพอดี เพราะแม่ลองเอามือจุ่มๆแล้ว ความจริงคือมันร้อนเกินไป หนูเกือบเป็นหมูน้อยลวกน้ำร้อนซ่ะแล้ว ฮือ...แม่ขอโทษ :(

ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้นานมากแล้ว ก่อนที่จะลืม เพราะอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่มือใหม่ เรื่องมีอยู่ว่า ตอนคลอดโมณาใหม่ๆ แม่ก็ยังมีีคุณยายมาช่วยเลี้ยงโมณาอยู่ แต่ตอนอาบน้ำแม่ก็จะอาบเอง เพราะต้องฝึกเอาไว้ให้คล่อง ก่อนที่คุณยายจะกลับต่างจังหวัด จึงมีแค่วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาลวันเดียวที่คุณยายได้สาธิตวิธีอาบน้ำแบบยายให้ดู ไม่ค่อยเหมือนที่โรงพยาบาลสอนเท่าไหร่ แต่ก็สะดวกดี แม่เลยเอาแบบคุณยายดีกว่า หลังจากนั้นมา ยายก็ช่วยแค่ผสมน้ำอุ่นให้ก่อนอาบ แล้วแม่ก็จัดการอาบน้ำให้คนสวยเองเลย

ความยุ่งมันเกิดตอนผสมน้ำอุ่นนี่แหละ แม่ก็เอามือจุ่มน้ำแล้วก็จะบอกยายว่า เติมน้ำร้อนอีก ยังไม่อุ่น ยายก็จะทักว่า อุ่นแล้ว อุ่นมากแล้ว เถียงกันไปมา สุดท้ายก็ให้แม่ชนะ เป็นแบบนี้อยู่พักนึง ช่วงนั้นโมณาผิวลอกเป็นขุยมากเลย แต่เห็นคุณยายและป้าๆบอกว่า เป็นธรรมดาของเด็ก แม่ก็นึกว่าแพ้สบู่ ลองเปลี่ยนยี่ห้อด้วย แต่ตอนนั้นไม่ทันคิดเรื่องน้ำอุ่น

กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่า มือของแม่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่า 40 ปี แถมด้วยฮอร์โมนในร่างกายที่เพิ่งปรับตัวหลังคลอด ทำให้การรับรู้เรื่องร้อนหรือเย็นนั้น แม่คิดเอาว่าระบบร่างกายคงยังไม่เสถียรพอที่จะบอกได้ถูกต้อง น้ำอุ่นที่ร้อนเกินไปสำหรับลูก แม่แค่เอามือไปแตะจึงไม่รู้สึก แม่ต้องเอาน้ำไปแตะที่ผิวส่วนอื่นที่ประสาทสัมผัสดีกว่า เช่น ต้นขา หรือแขนแทน ถึงจะเชื่อใจได้ว่าอุ่นพอดี ซึ่งนั่นก็สักพักนึงเลยถึงจะรู้ ตอนที่เอะใจก็คือมีบุคคลที่ 3 มาช่วยตัดสินเรื่องนี้ นั่นคือวันที่คุณป้าของหนูมาแวะมาเยี่ยมที่บ้านนั่นเอง คุณยายกับคุณป้าลงความเห็นตรงกันว่า อุ่นพอแล้ว!! นั่นแหละ แม่ถึงได้รู้ตัวซะทีว่า มือแม่ไม่ใช่เทอร์โมมิเตอร์ที่ดีอีกต่อไป

นอกจากเรื่องของน้ำอาบ หลักการนี้ยังสำคัญสำหรับเรื่องการวัดไข้ลูกด้วย เวลารู้สึกว่าลูกตัวร้อนๆ แม่จะไม่ใช้แค่มือแตะๆ แต่จะใช้ปรอทวัดไข้เมื่อผิดสังเกตอีกด้วย เพื่อความชัวร์และความสบายใจ แม่ก็จะวัด 2 รอบขึ้นไป ว่าได้ตัวเลขตรงกันหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้แม่คิดว่าหลายๆคนคงใช้วิธีนี้เหมือนกัน

พูดถึงเรื่องหนาวๆร้อนๆ นึกถึงตอนที่เพิ่งคลอดโมณาใหม่ๆ 4 วันที่อยู่โรงพยาบาล มันก็มีความเพี้ยนของร่างกายเกิดขึ้นกับตัวเอง คืนแรกยังไม่รู้สึก เพราะฤทธิ์ของยาชายังทำให้นอนหลับสบายดี ไม่เจ็บไม่ปวด พอคืนที่สองของจริงเลย ปวดแผลมาก นอนเหงื่อแตกทั้งที่แอร์เย็นเจี๊ยบ ต้องขอพัดลมมาเป่าปลายเตียง แต่พอคืนที่สามหนาวสั่น ปากกับฟันกระทบกันกึกๆ ต้องขอผ้าห่มอีกผืน ปิดพัดลม ลดแอร์ แผลก็ยังปวด อยากจะร้องไห้ มันคงเป็นผลจากการปรับตัวของร่างกาย จากสองชีวิตในคนเดียว แยกเป็น 2 ร่างกาย ทั้งมหัศจรรย์และทรมานในคราวเดียว แต่เป็นความทรมานที่คุ้มค่าของคนเป็นแม่

ถึงวันนี้ โมณาครบขวบแล้ว ภาพวันวานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ยังคงจัดเก็บไว้ในใจแม่เต็มพื้นที่ คงเหมือนกับแม่ๆอีกหลายคน ที่ไม่มีวันลืมความทรมานที่คุ้มค่าและงดงาม ส่วนเรื่องการอาบน้ำให้โมณาทุกครั้ง แม่จะเช็คความอุ่นของน้ำให้ลูกเสมอ มือของแม่ถึงจะใช้ไม่ได้ในการนี้ แต่มันก็ยังทุ่มเทให้กับลูกในการอื่นๆอีกมากมาย ด้วยสองมือนี้ที่สร้างโลก เหมือนในบทละครเขาว่าไว้


สุดท้ายนี้ หวังว่าแม่ๆคนอื่น คงไม่พลาดในเรื่องใกล้ตัวแบบนี้เหมือนแม่โมณานะคะ คิดแล้วก็สงสารโมณาตอนนั้นจังเลย คงอุ่นวูบวาบไปทั้งตัว :( ต้องขอบคุณคุณยายและคุณป้าที่ช่วยดึงสติแม่กลับมา ก่อนที่โมณาจะตัวเปื่อย โถ ลูกหมูน้อยของแม่ เกือบจะเป็นเล้งต้มแซ่บซ่ะแล้วสิ รักนะคะเด็กดีของแม่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โมณา..ชื่อนี้มีที่มา

ลูกสาวหน้าเหมือนพ่อ...แล้วดียังไง

พี่อ้อยพี่ฉอดคะ...เราควรไปเยี่ยมเพื่อนคลอดลูกที่ รพ. ดีไหม?