บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2017

40 แล้วไง...นมแม่ไม่มีวันหมดอายุนะจ๊ะ (ภาค 2)

รูปภาพ
"ให้น้องกินน้ำได้มั้ยคะคุณหมอ" "ไม่ต้องครับ 6 เดือนกินนมแม่อย่างเดียว" "ทำไมล่ะคะคุณหมอ" "ในนมแม่ก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว" "แต่ยาย ป้า น้า อา เค้าให้กินน้ำ เค้าว่าดีค่ะหมอ" "ไปเรียกมาคุยกับหมอเลย" ...แหะๆ สองประโยคหลังนี่ ไม่ได้พูดกับหมอ แม่แค่คิดในใจ :) หนึ่งในปัญหาโลกแตกของคุณแม่ กับคุณญาติพี่น้อง และกับคุณหมอ ก็คือ เรื่องให้เด็กกินน้ำได้ไหม ใน 6 เดือนแรก สำหรับเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว ??? ถามหมอกี่ครั้งๆ หมอกี่คนๆ ก็ตอบเหมือนกันว่า ไม่ต้อง แต่พี่ป้าน้าอาก็เคี่ยวเข็ญให้กินน้ำซะเหลือเกิน แถมยังชักแม่น้ำทั้งห้ามายันกับหมอว่า ต้องกิน ! ฮ่วย กลุ้มใจสิคะ สุดท้ายแม่ต้องบอกว่าให้กินแล้ว แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ให้กินหรอก เคสโมณานี่ แม่เพิ่งยอมให้ตอนใกล้ๆ จะครบ 6 เดือนนู้นแน่ะ เป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูก ก่อนดื่มจริง เหตุผลที่ไม่ให้กิน นอกจากที่หมอบอกว่า นมแม่ก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว เราก็ยังอยากรู้อีกเหมือนกันนะ เผื่อหมอบอกไม่หมด หมอยิ่งชอบตอบสั้นๆ ตามประสาหมออยู่ด้วย ก็เวลาท่านเป็นเงินเป็นทองนี่เนาะ จะถามอะไรเย...

40 แล้วไง...นมแม่ไม่มีวันหมดอายุนะจ๊ะ

รูปภาพ
นมแม่ดีที่สุด จริงที่สุด โมณาจะ 8 เดือนไม่กี่วันนี้แล้ว ก็ยังคงเป็นเด็กนมแม่ล้วนๆ เพิ่งเริ่มกินอาหารหลัง 6 เดือนเต็มนี่เอง เป็นความภูมิใจสุดๆ ของแม่ ที่สามารถผลิตน้ำนมให้ลูกได้ ไม่ได้หมดอายุไปตามวัยวุฒิที่มากขึ้น :D ...ธรรมชาติยังปราณีมนุษย์แม่เสมอ นี่แหละ อานุภาพแห่งความรักของแม่ มักจะมีพลังวิเศษ (ลูกตกเตียงยังไม่เป็นไรเลย 5555 เกี่ยวมั้ย?) ว่ากันตามจริงแล้ว ก็มีช่วงนึงที่ต้องเสริมนมผสมบ้างนะ อย่างตอน 4 วันแรกที่นอน รพ. หลังคลอด นมยังไม่มาดี ลูกก็เริ่มหิวเก่งแล้ว ถึงแม้คุณหมอจอมเฮียบของแม่จะสั่งนักหนาว่า ไม่ได้ ต้องกินนมแม่เท่านั้น ห้ามให้นมอื่น แต่พยาบาลยังมากระซิบเองว่า ต้องแอบให้เพราะน้องหิวค่ะแม่ โดยเฉพาะน้องคนเนี้ย คนที่ชื่อโมณาเนี้ยะ กินจุมาก 555+ วิธีให้นมของพยาบาลก็คือ ป้อนนมด้วยแก้วเล็กๆ หรือฝานมนั่นแหละ จะไม่ใช้จุกนม เพราะกลัวเด็กติดจุก แล้วจะไม่ดูดนมแม่ เรื่องที่หมอห้ามไม่ให้นมอื่นนอกจากนมแม่เนี้ย พอเปลี่ยนหมอมา รพ.ใกล้บ้าน ได้คุยกับหมอเด็กคนใหม่ถึงได้สติว่า เป็นแนวคิดที่ดีนะ แต่! ในความเป็นจริง จะทำได้ก็ต่อเมื่อนมแม่เยอะพอ ถ้าไม่พอ ลูกกินไม่อิ่ม ก็ไม่สบายท้อง ร้อง...

อ้อมกอดของแม่...เป็นโลกทั้งใบของหนู (เมื่อลูกติดแม่ แม่ก็ติดลูก)

รูปภาพ
ในอาณาจักรซอย 5 ของหมู่บ้านเรา มีเด็กแรกเกิดรุ่นๆ โมณาอยู่หลายคน (สงสัยคนนิยมมีลูกปีวอกกัน จะได้น่ารักอย่างกับลูกลิง อิอิ ลิงจั๊กๆไง ) กิจกรรมยามเย็นของเราแม่ลูกก็คือ พาโมณาออกไปเดินเล่น สูดอากาศนอกบ้าน และแอบไปส่องเด็กบ้านอื่นบ้าง เพื่อดูลาดเลาว่า ต่อไปโมณาจะมีเพื่อนเล่นไหม การมีลูกก็ดีอย่างนี้นี่เอง เหมือนเป็นสื่อกลางให้บรรดาแม่ๆ กล้าคุยกัน ต่างคนต่างอุ้มลูกมาเสวนากันหน้าบ้าน เรื่องนมแม่บ้าง เรื่องผื่น เรื่องวัคซีน อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่สังเกตได้คือ เวลาออกนอกบ้าน โมณาจะหน้านิ่งมาก มองนั่นมองนี่เก็บข้อมูลอย่างเดียว น้อยคนที่จะหยอกแล้วยิ้มให้ เลยได้ฉายามาอีกว่า เสือ(สาว)ยิ้มยาก แม่ต้องคอยออกตัวว่า เวลาอยู่ในบ้านไม่ใช่แบบนี้นะคะ เพราะจริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็จะอารมณ์ดีเมื่ออยู่กับแม่ ยิ้มทีหน้างี้แป้นแล้น แสนจะเริงร่า จนแม่ต้องคอยแบ่งรอยยิ้มไปให้ป้าๆน้าๆ ด้วยการถ่ายรูปส่งไลน์ เพราะเก็บรอยยิ้มไว้คนเดียวไม่ไหว และแม่เชื่อว่าคงดีต่อใจทุกคน เอ้า รับไปค่ะ :) เรื่องเสือยิ้มยากนี่ แม่มานั่งคิดๆดูอีกที อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้เจอคนอื่นๆ บางวันแม่ก็ไม่ได้พาออกไปข้างนอก วันๆก็ขลุกกั...

โลกสงบสุข เมื่อลูกหลับ (อยากทำอะไรก็รีบทำ)

รูปภาพ
เวลาทองของแม่..คือตอนลูกหลับ จริงๆนะ แล้วเด็กก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตื่นง๊ายง่าย โทรศัพท์เข้า มอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านหน้าบ้าน ไปรษณีย์มากดออดอีก โอ้ย ว่าจะเขียนแปะไว้ที่ตู้ ปณ. หน้าบ้านแล้วว่า ห้ามกด ให้ไลน์มาบอกแทน ! ตอนโมณา 1 เดือนแรก แม่และป้าๆ ยังชมอยู่เลยว่าหนูขี้เซา เอะอะ กินแล้วก็หลับ เสียงดังแค่ไหนก็ไม่ตื่น แต่เผลอหน่อยเดียว เดือนต่อๆ มาเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อยตอนไหนก็ไม่รู้ ก็คงตามประสาเด็ก และตามประสาแม่ที่จำไม่ค่อยได้ แถมเวลาอยากจะเขียนบันทึกถึงลูกก็หลับหมดแรงซะก่อน (ไม่ได้ขี้เกียจจริงๆนะ) มาตอนนี้ 7 เดือนกว่า จะ 8 เดือนแล้ว เริ่มติดแม่แจ ขนาดจะแว่บเข้าห้องน้ำตอนหลับ ยังเอาแขนมาเกี่ยวแม่ไว้แน่น ต้องค่อยๆแกะออกอย่างเบามือสุดชีวิต ถ้าปวดเบาแม่ก็จะพยายามไม่กดชักโครก เพราะมันอยู่ติดกับห้องนอน กลัวลูกจะตื่น แขกไปใครมาบ้านจึงไม่ควรเข้าห้องน้ำชั้นบนโดยพลการ เพราะอาจจะตกกะใจได้ ที่ตลกอีกอย่างคือ ท่านอนของลูกสาว ไม่เคยจะอยู่เป็นที่เป็นทางเลย กลับหัวกลับหางตลอด จะว่าไปแล้วหมอนน่าจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเธอ เพราะหัวไม่เคยอยู่บนหมอนเลยสักครั้ง แต่เรื่องนี้ก็เห็นเด็กหลายๆบ้านเป็นเหม...

เจ็บกว่านี้มีอีกมะ...ผ่าคลอดหรือคลอดเอง มีอย่างอื่นให้เลือกไหมคะคุณหมอ แฮ่ :(

รูปภาพ
เห็นเลือดเป็นลม เห็นนมค่อยยังชั่ว ยกดื่มเลยสิคะ อย่าคิดมาก :) วันนี้มีสาระนะจ๊ะ แต่เริ่มด้วยความไร้สาระก่อนแล้วกัน เกี่ยวกับความขี้กลัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเลือด เข็ม มีด กรรไกร ทุกอย่างในมือหมอและพยาบาล คนใจมดอย่างข้าพเจ้าก็กลัวทุกสิ่งอย่าง แล้วผ่านมาได้ไง? หึหึ ก็เบือนหน้าหนีสิคะ จะให้วิ่งหนีก็ไม่ทันแล้ว อายเค้าด้วย ดังนั้น อีตอนฉีดยาหรือบริจาคเลือดมีเทคนิคง่ายๆ คือไม่เคยมองเข็มสักครั้ง เฉไฉมองซ้ายมองขวาไปค่ะ ถ้าเคสหนักๆ ก็ท่องนะโมๆเอา ซึ่งตอนท้องนี่ก็โดนไปหลายเข็มเหมือนกัน วัคซีนต่างๆ นานา กัดฟันท่องไว้ว่า "เพื่อลูกๆ" ศรีทนได้ค่ะ  เข็มที่เจ็บจี๊ดสุดๆ ขอยกให้ฉีดบาดทะยัก ฮืมมม...ใครบอกว่าเหมือนมดกัดๆ บ้าสิ มดทั้งรังเลย !! แต่ทั้งหมดนั้นก็คงเป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ เด็กๆ กล้วยๆ เมื่อเทียบกับตอนคลอด มนุษย์แม่ทุกคนคงรู้ดี ยกเว้นแม่อิชั้นค่ะ ผู้ผ่านสมรภูมิคลอดมาถึง 6 ท้อง หรือแม่ใครจะโชว์เหนือหลายท้องกว่านี้ก็ตามใจนะ แค่ 6 นี่ลูกก็ขอกราบแทบเท้าแล้วค่ะ เข้าเรื่องคลอดดีกว่า เรื่องนี้ก็ทำใจอยู่นาน 8 เดือนกว่า เพื่อนๆ ที่เคยคลอดลูกมาแล้วก็เชียร์ให้คลอดธรรมชาติ ..."ดีกว่านะแก...

โมณา..ชื่อนี้มีที่มา

รูปภาพ
คิดว่าหลายคนคงเคยช่วยพี่น้อง ญาติๆ หรือ เพื่อน ตั้งชื่อเล่นให้ลูกกันบ้างล่ะ เรียกว่าได้ใช้ไอเดียอันบันเจิด สนุกสนาน ตั้งกันได้เรื่อยๆเพลินๆ เพราะไม่มีความกดดันใดๆ ก็ลูกคนอื่นนี่นา ไม่ใช่ลูกเรา หุหุ ลองเป็นลูกคุณสิ คิดแล้วคิดอีก แถมเป็นประเด็นให้ผัวเมียทะเลาะกันได้อีก เฮ้อ กว่าจะได้สักชื่อ โชคดีของคุณแม่อย่างเราที่สามีเปิดโอกาสให้ตั้งตามสบายใจ ด้วยมั่นใจในอาชีพการเขียนของภรรยา แต่หารู้ไม่ พอเอาเข้าจริงๆ ก็คิดไม่ออกจริงๆนะ ไหนจะชื่อเล่น ชื่อจริง ต้องเปิดตำรากันยกใหญ่ ไม่อยากจะบอกเลยว่า ชื่อจริงนั้นได้มาหลังคลอด 2-3 วันกว่าจะตัดสินใจ แถมไม่ตั้งเองด้วย เอาเวลาเกิดไปขอกับอาจารย์ซะด้วย สาธุ ไม่ได้เม้าท์ 555 แล้ว "โมณา" มายังไง ทีแรกก็เขียนว่า โมนา นั่นแหละ เพราะ ม.ม้า มาจากชื่อแม่ น.หนู มาจากชื่อพ่อ คำนี้แม่คิดไปถึงอนาคตเผื่อลูกโกอินเตอร์ ฝรั่งจะได้เรียกชื่อง่ายๆ ดูชื่อแม่สิ "มุ่ย" นี่ เพื่อนฝรั่งไม่เค้ยไม่เคยจะเรียกถูกซะที ออกแนวล่อแหลมตลอด อีกอย่างโมณาจะว่าไปก็ฟังเป็นไทยๆด้วย คล้ายๆ แตงโมอยู่ในท้องนา 5555 ว่าไปนั่น ที่สำคัญ ไปพ้องกับชื่อ "โมนาลิซ่า" สุ...

กว่าจะได้เป็นคุณแม่..ก็ปาเข้าไปหลัก 4

รูปภาพ
สาวๆสมัยก่อน อายุสัก 20 ต้นๆ ก็คงมีลูกมีเต้ากันหมดแล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ ใกล้ตัวก็คุณนายแม่อิชั้นมีลูกตั้ง 6 คน ท้องแรกตอนอายุเพิ่ง 21 ขวบ วัยกำลังขบเผาะ ส่วนเราตอน 21 เพิ่งจบมหา'ลัยเองค่ะคุณ จึงขอยกตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการท้องระดับเพชรให้แก่มารดาอิชั้นไปเลย! มาสมัยนี้กว่าจะมีลูกค่าเฉลี่ยอายุเริ่มเยอะขึ้นๆ นี่ก็ปาเข้าไป 40 เพิ่งจะมีบุตรคนแรกอย่างอิชั้นก็เป็นเรื่องท้าทายอยู่เหมือนกัน ว่าแคลเซียมจะดีมีคุณภาพพอสำหรับลูกหรือเปล่า 555:) ดีหน่อยที่ยังพอมีเพื่อน ส.ว. บางคน ตกอยู่ในสถานะมีบุตรคนแรกตอนวัยใกล้หลักสี่เช่นกัน บอกตรงๆ ไม่ได้วางแผนไว้แบบนี้ เพราะเป็นคนไม่ค่อยมีแบบแผนชีวิตสักเท่าไหร่ ทำอะไรก็ช้าไปหมดทุกเรื่องในชีวิตจริงๆ ให้ตายเถอะ ตามสไตล์ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ทำอะไรต้องรอฟีล รออินเนอร์ ชีวิตจะอินดี้ไปไหนยะ 555 เล่นใช้ชีวิตแบบหวานเย็นแบบนี้มาเรื่อยๆ อย่างกับรถทัวร์ บขส. ก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะมาถึงจุดนี้ แอบคิดว่าสวยและเลือกได้มานาน (ด่าได้แต่อย่าแรง) กว่าจะตัดสินใจลงเอยกับคนที่คิดว่าใช่น่า ต้องใช่แน่ๆ ก็ขบวนสุดท้ายแล้วจ้า ขบวนนี้ก่อนหลักสี่แค่ไม่กี่ป้ายเอง และเมื่อคิดจะมี...